วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

ผู้จะถึงไตรสรณคมน์ต้องมีปัญญา




ผู้จะถึงพระไตรสรณคมน์มั่นคงต้องเชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม


ผู้จะถึงพระไตรสรณคมน์ได้มั่นคง

ต้องมีปัญญาพิจารณาเห็นด้วยใจของตนจริงๆ

ว่าเราทำกรรมดีต้องได้รับผลเป็นสุขตอบแทน เ

ราทำกรรมชั่วต้องได้รับผลเป็นทุกข์ตอบแทนด้วยตนเอง

คนอื่นจะมารับแทนไม่ได้ อย่างนี้แน่วแน่ในใจจริงๆ

จึงจะถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิตได้


คนเราเกิดมาในโลกก็เพราะกรรม ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ได้มาเกิด ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า “โลก คือ มนุษย์ต้องเป็นไปตามกรรม” ดังนี้ กรรม คือ การกระทำทั้งดี ทั้งชั่ว กรรมดี เรียก กุศลกรรม กรรมชั่ว เรียก อกุศลกรรม คนเกิดมาในโลกนี้มี กาย วาจา และใจ แล้ว ใครจะไม่ทำกรรมย่อมไม่มี ฉะนั้น คนเราทุกคนเกิดขึ้นมาในโลกได้ชื่อว่าเกิดมาสร้างกรรม แต่ขอให้เลือกสร้างเอาแต่กรรมดี ซึ่งจะทำให้เกิดความสุขกายและใจอย่างเดียว


เมื่อตนเองสร้างกรรมชั่วแล้ว

แต่อยากจะได้ความสุข มันจะได้มาแต่ที่ไหน

ปลูกมะนาวออกผลมามันก็ต้องเป็นมะนาวละซี

มันจะเป็นละมุด ลำไยได้อย่างไร

เมื่อกรรมชั่วให้ผลเป็นทุกข์

ก็บ่นว่าทำบุญไม่ช่วยตน

บุญไม่มีผล ทีหน้าทีหลังไม่อยากทำละ


ผู้ทำบุญไม่รู้จักบุญย่อมคิดอยู่อย่างนี้ บ่นอย่างนี้เป็นธรรมดา แท้จริงบุญมิใช่วัตถุ หรือเป็นของมีตัวมีตน บุญเกิดจากจิตใจต่างหาก วัตถุทานที่เราให้นั้นมันเกิดจากน้ำใจที่มันแผ่ออกไปจากจิตใจ เพื่อให้เกิดความเกื้อกูลแก่มนุษย์และสัตว์เหล่าอื่นต่างหาก


น้ำใจที่มันแผ่ออกไปนี้ไม่มีหมดสักที ยิ่งแผ่ออกไปมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นของกว้างเท่านั้น วัตถุทานที่เราให้ไปนั้นหมดเป็น เมื่อเราได้เห็นบุคคลหรือวัตถุ สถานที่ คำสอนที่มีเหตุมีผล ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสนั้นเป็นบุญแท้ มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย เมื่อเกิดมาแล้วต้องมีความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นธรรมดา


เกิดมาแล้วจะไม่ให้มีเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ เราทำกรรมดีไว้มากๆ ระลึกถึงกรรมดีนั้นอยู่เสมอๆ ถึงร่างกายอันนี้มันจะเจ็บหรือจะตายก็เป็นเรื่องของมันต่างหาก ส่วนกรรมดีคือบุญกุศลเป็นของไม่ตาย ฉะนั้น อย่าไปโทษบุญกรรมเลย โทษตัวเราผู้เกิดมานั้นดีกว่า แล้วพึงระลึกถึงกรรมดีที่ได้กระทำไว้นั้นเป็นที่พึ่งดีกว่า


: ของดีมีในศาสนาพุทธ

: โดยพระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)

ไม่มีความคิดเห็น: