วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2551

..^ ^.. แม่ครัว ป้ายแดง...Part I

กาลครั้งหนึ่ง.... ตั้งแค่มามี้ไปทัวร์สวรรค์ ขึ้นข้างบนจนเพลิน ไม่กลับมาทำหน้าที่มาม้าที่แสนดี
ชีวิตนู๋พีก้อเปี๋ยนไป๊... จากที่เคยกินอิ่ม แสนซาบ้ายซาบาย คุณนู๊คุณนู๋
ก้อมีอันต้องพลิกจากหน้ามือ เป็นหลังมือ - -"
มาตกระกำลำบาก(เวอร์ซ้า...) หาเองกินเอง...

โถ...ตอนมาม้าอยู่ไม่คิดจะเรียนทำกับข้าวกะมาม้าเล้ย
คิดว่ายังไง๊ ยังไง มาม้าก้อยังอยู่ทำกับข้าวหร่อยๆ ให้เราอีกนานนนนน...
เนี้ยแหละน๊า ไม่เชื่อคำพระท่านสอน ... ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง...

มาจะกล่าวบทไป...มาม้าทำอาหารอร่อยๆ มั่กๆ ชื่อเสียงเลื่องลือ ไปทั่วอำเภอ
(ไม่เว่อร์ๆ เรื่องจริง ถามคนหระรีดูได้ อิอิ)
แต่พรสวรรค์นี้ กลับไม่ได้ตกมาถึงรุ่นลูกเลย ประมาณว่า ลูกไม้หล่อนไกลต้นจริงๆ
มาม้าชอบทำอาหารแจกบ้านข้างเคียง (ใจกว้างอะ) แจกดะจนปาป๊าเริ่มมีเคือง
มาม้าเลยเพราๆ มือ จากการแจก ไปช่วงนึง
เมนูขึ้นชื่อ ผัดหมี่ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ขนมเทียน ขนมเข่ง หมูหวาน ผัดใบปอ ฯลฯ
หมูหวานนี่ มาม้าชอบทำให้กิน ตอนเด็ก เพราะมันง่ายด้วยมั้ง อร่อยมากๆ
ลูกๆ ทุกคนจะจำได้เลย ถ้าถามถึงเมนูเด็ดของมามี๊ ทุกคนลงเอกฉันท์เลยว่า .... หมูหวาน อิอิ
หมูสด น้ำก้อหวาน ถูกใจเด็ก กินกะข้าวสวยร้อนๆ โอ้ยยยยยยยย .. เอาซาเต็กมาเเลกก้อไม่ยอมมม หุหุ

ผัดใบปอนี่ ก้ออีกหนึ่งเมนู ที่หากินที่ไหนก้อไม่เหมือน ฝีมือแม่
ขนาดน้าสาวก้อเป็นอีกหนึ่งสาว ที่ทำอาหารได้อร่อยมาก
ยังผัดใบปอ ไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่ (ไม่ได้ยอแม่ตัวเองนา ^ ^)
ใบปอ มาม้าจะไปซื้อมาจาก ตลาดเก่า แถวเยาวราช เอามาล้างน้ำหลายๆ เที่ยว
แล้วเอามาผัด แต่อย่างถามสูตร เพราะไม่รู้เลย กินเป็นอย่างเดียว
...ว้า... เสียดายจัง ^ ^!
สูตรของมาม้า จะออกแห้ง ไม่แฉะมาก โรยหน้าด้วย กระเทียมเจียวกรอบๆ
คงหากินยากแน่เลย สมัยนี้ เฮ้ออออ

ผัดหมี่ (หมี่เตี๊ยว) มาม้าชอบผัด ทำบ่อยเหมือนกัน
ยิ่งตรุษจีน งานวันเกิด ต้องมีเมนูนี้เป็นนางเอกของงานทุกทีไป
จะผัดแบบไหน จะเจ หรือไม่เจ มาม้าสามารถ ^ ^
อะๆ ... อย่าคิดนะ ว่าผัดหมี่ทำง่ายๆ เมนูง่ายๆ แต่ทำยากนะจ๊ะ ขอบอก
ต้องมีเทคนิค บวกความชำนาญ ใส่ความตั้งใจ รวมถึงชนิดของหมี่ด้วยนะจ๊ะ
ผัดหมี่ ถึงจะออกมาหน้าตาดี มีชาติสกุล ดูเป็นหมวยไฮโซ ขึ้นโต๊ะได้ ^ ^
ก้ออีกนั่นแหละ ถ้าจะให้บอกสูตรแบบละเอียดก้อไม่รู้ว่ามาม้าทำยังไงมั้ง
เฮ้อ... แย่จัง - -"

มาถึงหนมเทียน หนมเข่ง สุดยอดขนมตรุษจีน
สูตรมาม้าอยู่ที่แป้ง น้ำตาล และการกวนแป้ง ให้ได้ที่
เดชะบุญ ที่ช่วงมาม้าป่วย ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้ให้น้าๆ
มิฉะนั้น วิชานี้คงสูญหายไป อิอิ
สูตรของมาม้าแป้งที่ได้ จะนุ่มเป็นพิเศษ แถมยังเก็บได้นานโดยไม่ต้องพึ่ง
สารกันบูดอีกด้วย .... อร่อยกว่าที่เค้าทำขายกันเกลื่อน (แถมแพงอีกต่างหาก กระทงเล็กๆ
ขายอันละตั้ง 5-6 บาท แพงมากๆๆ)
ปีหน้า แม่ครัวมือใหม่ จะไปเรียนทำหนมเข่ง อิอิ
ทำมาแจก มาไหว้หนะ เพราะให้กิน ก้อคงกินแค่กระทงเดียว ^ ^

กฐินที่วัดเขาวงทุกปี มาม้ากับน้าๆ ต้องไปออกร้านทำอาหารแจกคนมาร่วมบุญ
มาม้าก้อจะทำก๋วยเตี๋ยวหลอดไป ... โอโฮ้... คิดถึงตอนที่ไปซื้อผักกะแม่
ต้องไปซื้อแบบที่เค้าขายส่ง ซื้อทีเยอะเลย เส้นก๋วยเตี๋ยวก้อเป็นโลๆ
มาถึงก้อต้องล้าง หลายเที่ยว หลายรอบเลย กว่าจะสะอาดถูกใจมาม้า ^ ^
กลางคืนก้อมาหั่นๆ สับๆ มาม้าต้องตื่นก่อนไก่ขัน ประมาณตีสามเลยอะ
มาผัดๆๆๆ และก้อผักใส่ก๋วยเตี๋ยว ห่อได้ก้อห่อไป ห่อไม่เสร็จ ก้อไปห่อต่อที่วัด
เตรียมซึ้ง ไปนึ่งด้วย
อะโห...ขนาดดิบขายดี เสร็จงานกฐินทีไร มาม้าต้องเข้าโรงหมอทุกที ทำสถิติ 2 ปีซ้อน
แบบว่าทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มร้อย เสร็จแล้วก้อเดี้ยงเลย เดี้ยงมันมีสาเหตุจากโรคนั่นแหละ
แต่กรรมมันบัง ทำให้หาโรคไม่เจอ ก้อนึกว่าเบาหวานมันเล่นงาน ^ ^!

อะนะ อ่านมาถึงตรงนี้ งง ละซิ เมื่อไหร่ จะถึงเรื่อง แม่ครัวป้ายแดง
ใจเย็นๆ กันนะจ๊ะ อิอิ ^______^

To Be Continue.... ^ ^

วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2551

ความดัน...ต่ำ

สาเหตุของความดันโลหิตต่ำ ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่เป็นพันธุกรรมหรือเป็นมาแต่กำเนิดหรือไม่ทราบสาเหตุแน่นอนเรียกว่า Idiopathic Hypotension

อาการ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ มักไม่มีอาการอะไรมากนัก อาการสำคัญ คือ จะมีอาการเวียนหัวง่าย เวลาลุกขึ้นยืนเร็วๆ เช่นเวลานั่งยองๆ แล้วลุกขึ้นยืน หรือกำลังนอนอยู่แล้วลุกขึ้นเร็วๆ จะเกิดอาการเวียนหัวเป็นครั้งคราวชั่วระยะหนึ่ง แล้วบางครั้งก็ดูปกติดี แต่ถ้าอดนอนหรือนอนไม่พอก็จะมีอาการเวียนหัวและอ่อนเพลียด้วย เมื่อเปลี่ยนจากท่านอนเป็นลุกขึ้นนั่งหรือยืน จะมีอาการหน้ามืดวิงเวียนจะเป็นลมเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่า ตาลายร่วมด้วย แต่สักครู่หนึ่งก็หายเป็นปกติ

การวัดความดันโลหิต มักพบว่าความดันซิสโตลิก (ช่วงบน) ที่วัดในท่ายืนต่ำกว่าท่านอนมากกว่า 30 มิลลิเมตรปรอท เช่น ในท่านอนวัดได้ 130/80 แต่ในท่ายืนจะวัดได้ 90/60

การรักษา
รักษาตามสาเหตุ - ถ้าไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจต้องตรวจเลือด ปัสสาวะ และอื่น ๆ ที่จำเป็น - ควรแนะนำให้ลุกขึ้นนั่งหรือยืนช้า ๆ อย่าลุกพรวดพราด เพื่อให้ร่างกายปรับตัว - ออกกำลังกายบ้าง เพื่อช่วยให้หัวใจแข็งแรง - ถ้ามีปัญหาเรื่องขาดอาหาร ก็ควรให้สารอาหารชดเชย เช่น กรดโฟลิคจากน้ำผึ้งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง กรดอะมิโนในสาหร่ายเกลียวทองเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผนังเส้นเลือดและระบบประสาทอัตโนมัติ วิตามิน เกลือแร่ ในว่านหางจระเข้ช่วยให้เกิดสมดุลของความดันโลหิต วิตามินซี ช่วยในการดูดซึมแคลเซี่ยม ธาตุเหล็กและกระบวนการเมตาโบลิซึมของ ร่างกาย วิตามินอีในเมล็ดทานตะวันช่วยลดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง

เค้าว่าคนเป็นโรคนี้ มักเอว บางร่างน้อย.... ก้อจริงแฮะ แต่ออกแนว ขาดสารอาหารมากกว่ามั้ง อิอิ
มักดูเฉื่อยๆ เอื่อยๆ ซึมๆ ... อันนี้ก้อยิ่งใช้เลย
นอนไม่ค่อยอิ่ม ไม่อยากตื่น ... โอ้ยยยย ตรงจริงๆ

แต่ว่าไม่เคยไปตรวจหรอก แต่แน่ใจว่า เป็นชัวร์

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

หอมมมม..

สีเหลืองสะพรั่งบาน...สด
พอกาลหมดกลีบเฉาร่วงสู่หล้า
กายทุกกายกลับสู่พสุธา
กลิ่นพฤษาก้อลา...ลับมลาย

ที่คงทนถาวรคือ ... กลิ่นศีล
หอมคลุมดินกลิ่นแดนศาสนา
ขจายฟุ้งขจรไกลไปทั่วฟ้า
และทรงคุณทรงค่า... กว่าดอกใด

ที่มา : ใบไม้พูดได้
http://siangjaagtaum.com/eBooks/TalkingLeaves06.pdf

ร้อนไหมลูก...

๑. ร้อนไหมลูก...
ทุกข์ครับ...ทุกข์มากพ่อ...
บางคราวท้อ จนแทบ ทนไม่ไหว
ทำไม..มันไป เกิดกับ ใจ
ทั้งที่กาย ก่อกรรม ทำมาเอง

๒. พ่อครับ..
อะไร ผูกมัน ติดกันไว
เหมือนว่า ใจถูกกาย มันข่มเหง
ทำเพราะกาย แต่ ใจ มันเจ็บเอง
ร้องและรำ ฮัมเพลง ไปตามมัน

๓. ลูกเอ๋ย...
เพราะหนู นั่นแหละลูก...
ไปยึดมั่น พันผูกอยู่ อย่างนั้น
ปั้นเป็นตัว เป็นตน เป็นของมัน
และยังฝัน ฟุ้งใฝ่ ว่า ใจดี

๔. คิดเถิดลูก...
คิดเสีย คิดตามนี้...
มันจะมี ดีอะไร ในกายหนู
อะไรบอก ว่า กู เป็นของ กู
แล้วจงดู มีอะไร มันอยู่ทน

๕. สักแต่มอง ผ่านไป ด้วย ใจ เถิด
กายจะเกิด กรรมใด ไม่ไปสน
ดีหรือชั่ว ก็ต้องตาย ทุกกายตน
ใจ รับผล จากเหตุ ที่กาย ทำ

๖. ลูกรัก...
เธอจงตระหนัก!
เพราะเมื่อไหร่ ใช้กาย ก้อเมื่อนั้น
ใจ ยึดกาย ใจก้อหนัก ขึ้นฉับพลัน
อย่ายึดมั่น ถือมั่น เป็นตัว เธอ

๗. ทำวันนี้ ให้เป็น วันสุดท้าย
วันที่ ใจ เธอ สบาย ไม่พลั้งเผลอ
วันพรุ่งนี้ ไม่มี สำหรับ เธอ
พ่อถามเธอ อีกครั้ง ...
ร้อนไหมลูก

ที่มา : ใบไม้พูดได้
http://siangjaagtaum.com/eBooks/TalkingLeaves15.pdf

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2551

นิพพาน

ไปนิพพานน่ะ ตั้งใจให้แน่วแน่
ในเมื่อมีสิทธิ์จะไปก็ตัดสินใจให้มันแน่นอนเสีย ถ้าตั้งใจไปหมดก็ไปได้หมด ตั้งใจไปนรกก็ได้ไปนรก ถ้าเราตั้งใจจริง คนที่จะตั้งใจไปนิพพานจริง ๆ มันเป็นปรมัตถบารมี เขามีสิทธิอยู่แล้วเขาไปได้แน่นอน
ขอบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
จงถือเอา \\\" อานาปานุสติกรรมฐาน \\\" นี้เป็นสำคัญ
จะขึ้นต้นด้วยกรรมฐานแบบไหนก็ตาม ต้องขึ้นต้นด้วยอานาปานุสสติกรรมฐานเสียก่อน มิฉะนั้นอารมณ์ของท่านจะฟุ้งซ่าน ไม่ทรงอารมณ์ตามอัธยาศัย

: ที่มาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

๕ ทหารเสือ

หลวงพ่อไปช่วย ๕ ทหารเสือ สมัยสงครามโลกที่ ๒

หลวงพ่อไปช่วย ๕ ทหารเสือ สมัยสงครามโลกที่ ๒ (๑. ฮิตเลอร์ ๒. มุสโสลินี ๓. เกอร์ริ่ง ๔. เปแตงค์ ๕. เชอร์ชิล)(จากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม ๔)ตามที่ลงบันทึกการเดินทางของท่านแล้วจะเห็นว่าหลวงพ่อต้องฝืนทนสังขารไปโปรดลูกหลานถึงเมืองนอก เพราะเวลาก็ต่างกัน จึงทำให้ท่านต้องป่วยหนักทุกครั้ง หลังจากที่ท่านกลับมาจากอเมริกาแล้ว ในปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๑๑ พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปยุโรปอีกเพราะมีภารกิจที่สำคัญ ณ ประเทศเยอรมันท่านกลับมาแล้วจึงได้เล่าเรื่องที่ไปช่วย ๕ ทหารเสือให้พ้นจากขุมนรก โดยการสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก ๑ องค์ แล้วก็หน้าตัก ๒๐ นิ้วอีก ๓ องค์ บวชเณร ๑ องค์ บวชพระ ๑ องค์ สังฆทาน ๑ ชุด เจริญกรรมฐาน ๗ วัน หลวงพ่อได้เล่ากล่าวต่อไปอีกว่า......"ทำบุญให้เค้าน่ะ คือว่ารับมาจะทำบุญให้ คือว่ามันเป็นวันพ้นพอดี ไม่ใช่ว่า ว่าใครจะไปช่วยกันให้ขึ้นมาจากขุมนรกน่ะ มันช่วยไม่ได้ ใช่ไหม? ก็นรกที่เขาลงมันก็ไม่ลึกแค่อเวจี เท่านั้น ไม่ลึกกว่านั้นอีกน่ะ ถ้าลึกจริงๆ เราก็มองไม่เห็น นี่มันไม่ลึกมากก็มองเห็นแต่ไม่ใช่ฉันนะ ก่อนจะไปต่างประเทศความนี้มันมีเหตุมีเรื่องแปลก นี่ฉันก็จะไปไม่ไหวแล้วแต่พระท่านให้ไปและท่านก็ไม่บอกเหตุ ไม่บอกผล นี่เราเจริญกรรมฐานฉันพูดได้ ถามท่านว่า ถ้าไปร่างกายไม่ดีแล้วจะเป็นยังไง ท่านบอกว่าไม่เป็นไร จะเป็นทางท้องนิดหน่อยไม่มากนัก จะมีการล้างท้องสักครั้งหนึ่ง ให้นำเกลือสักครั้งหนึ่งก็หมดกัน เท่านั้นระหว่างเดินทาง ฉันก็เลยลอง....!แล้วไปคราวนี้มันเครียดต้องทรมานกายเหนื่อยทุกวัน คิดว่ามันจะทนไหวไหม คือจะไปลองทนตามที่พระท่านพูด มันก็ไหวก็ตรงตามท่านว่า พอไปถึง อิตาลี ไม่เห็นใครเลย เห็นก็แต่ผีอื่น ผีที่เราต้องการไม่เห็น อยากจะรู้ มุสโสลินี อยู่ไหน...ไม่เห็น พอเข้าเขต สวิตเซอร์แลนด์ จึงรู้ที่มาของคน ๒ - ๓ คน๑. ฮิตเลอร์ ๒. มุสโสลินี ๓. เกอร์ริ่ง นายเกอร์ริ่งน่ะคู่หูเขา แต่ฉันไม่ดูเอง เวลานอนฉันก็ไปหาพระ ตามปกติฉันเป็นอย่างนั้นนะ หัวถึงหมอนปั๊บก็ถึงพระแล้ว เพราะอยู่กับพระ... เราคุยสนุก คุยสบายใจกว่า แล้วก่อนจะไปท่านก็บอกว่า ถ้าต้องการรู้อะไรให้ถามได้ ท่านสองคนคือพระอินทร์ กับ ท่านสหัมบดีพรหมฉันไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าถามสององค์ ถามองค์หนึ่งก็เป็นหัวหน้าเทวดาทั้งหมดเป็นเทวราชา อีกองค์หนึ่งก็เป็นหัวหน้าพรหม...ใหญ่ที่สุด พอไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ก็ไปนอนๆ พอจิตสบายน่ะ... ไม่ได้ดูอะไรนะ ไอ้เรื่องดูนี่ขี้เกียจดู จิตมันเต็มกำลังมันก็หลุดพั๊วะ... ไปโน่น... ไปหาพระ... ไปเอง... ไม่ต้องสั่ง... พอไปถึงท่านท่านก็เลยถามว่าต้องการรู้ที่อยู่ของคนสองคนใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ ท่านบอกว่า... ถามโยมสิ โยมแกทั้งสองโยมน่ะ... เขารู้ พอดีโยมท่านก็ไปถึงพอดี แล้วถามท่าน ท่านก็บอกสองคนเวลานี้ลงอเวจีทั้งคู่ เราก็สบายใจเพราะคนที่อยู่อเวจีได้ต้องใหญ่จริงๆ ไม่ใหญ่มันอยู่ไม่ได้.. ใช่ไหมคุณ บาปไม่ใหญ่มันลงไม่ได้นะพอท่านบอก ๒ คนอยู่อเวจีก็หมดทาง ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ถามสองคนนี้เป็นความจริง อำนาจของเราหมด เราสามารถจะช่วยได้ แต่ช่วยได้ยาก แค่ปรทัตตูปชีวีเปรต เปรตอีก ๑๒ จำพวกเราก็ช่วยไม่ได้ อสุรกายเราก็ช่วยไม่ได้ สัตว์นรก ๘ ขุมช่วยไม่ได้เลยทีนี้อยู่ขุม ๘ ก็หมดทาง... ใช่ไหม ถามบอกหมดทาง ท่านถามอยากจะช่วยไหม บอกไอ้อยากช่วยน่ะ อยากช่วยมานานไม่ว่าใคร หมดน่ะ แต่ว่าในเมื่ออยู่ในขุมนี้ก็หมดทาง ท่านบอกไม่เป็นไร ท่านถามถึงความรู้สึก บอกผมมีอุเบกขา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนมีกรรม คือมีอกุศลกรรมหนักต้องลงนรกเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ไม่หนักใจท่านบอกว่าช่วยได้ แต่ไม่ใช่คุณ ต้องสององค์นี้จึงช่วยได้ พระอินทร์ กับพระสหัมบดีพรหม ก็เลยเริ่มทัวร์ ทัวร์อันดับสองใช่ไหม ทัวร์จากนิพพานลงวไปอเวจี... ไปด้วยกันไหม... (หัวเราะ) เห็นหน้าอยู่คนพอไปได้ คนนี้ก็ไปได้นะ แต่ห้ามอยู่นะ(หัวเราะ) ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์.. ก็ไปได้น่ะถึงเวลาพอดีทีนี้ก็เลยทัวร์ซ้อนทัวร์ จากนิพพานไปอเวจี พอถึงอเวจีก็มีเจ้าของถิ่น ๒ ท่าน คือพระยายม กับ นายบัญชีใหญ่ ไปถึง ท่ากน็ถึงทันทีเหมือนกัน พอหันมา "นายบัญชีใหญ่" เปิดบัญชีและบัญชีท่านไม่พลิกอย่างเรา เล่มหนาขนาดนั้นเนี้ย เปิดปั๊บถึงพอดี แกล้งเปิดหรือไงไม่รู้ พอเปิดปั๊บ... หมดสิ้นวัน... วันนี้ครับ เขาหมดเขต แน่ะ...เป็นวันพอดี มิน่า...พระถึงได้เข็น...!ฉันปฏิเสธหลายครั้ง การไปยุโรปนี่ ฉันบอกมันไปไม่ไหวนะ ขอท่าน...บอกขอไม่ไป ท่านไม่ตกลง...บอกต้องไป พอเปิดบัญชี มาบอกหมดวันนี้ครับ...มีสิทธิ์ สององค์ท่านก็เรียกเอาขึ้นมา... ไม่ใช่ฉันนะ เราน่ะหมดสิทธิ์แล้ว พระนะหมดแหงแก๋แล้ว... ยิ้มแหยแล้วท่านก็บอกนายนิริยบาล บอกเอาคนนี้ขึ้นมา เขาหมดเวลาแล้ว ก็เลยถามท่านว่า อเวจีนี้มันมีอายุ ๑ กัป แล้วพวกนี้ที่ลงไปยังไม่ถึง ๑ วันนรกเลยแล้วขึ้นมาได้ยังไง ท่านบอกว่านรกมันมีอายุ ๑ กัปจริง แต่คนที่ตกลงมาในเขตนี้มีบุญถึงขั้นนี้ แต่ไม่เต็มกัปมันมีอยู่ ตัวอย่าง พระนางมัลลิกา ลงสัญชีพนรกแค่ ๗ วันมนุษย์ใช่ไหม?โทษเขาหนักถึงขั้นนั้นจริง แต่ว่าอายุเขาไม่ต้องอยู่นาน เป็นอย่างนั้นต่างหากล่ะ... ใช่ไหม สารวัตรมีไหม? เรือนจำน่ะ คนที่เขาเข้าเรือนจำไม่ต้องจำอยู่ตลอดชีวิตใช่ไหม... ไม่จำเป็น โทษน้อยมี โทษมากมี ไม่ใช่กำลังฉันนะ อย่าลืม... ของ ๒ องค์ และเป็นวันที่หมดเกณฑ์ของเขาพอดี ไม่ใช่ว่าไปดึงเขามาจากขุมนรกแต่ว่าการหมดเกณฑ์ที่ขุมนั้นต้องลงนรกบริวาร และก็เศษยังผ่าน ยมโลกียนรก อีกต่างหาก อันนี้ถือว่าขุมใหญ่มีความจำเป็นก็ลงแล้ว ก็ไปตัดจากปากขุมพอดี ถ้าไม่ตัดต้องล้อมไป แต่ว่าเขาบอกว่ามีสิทธิ์อีก ๒๐๐ ปี ถึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้ บางทีถ้าลงบริวารก็ลงแค่นิดเดียวก็เลยถามว่าต้องการอะไรบ้าง ตอนนั้นเขาขึ้นมาแล้ว... โปร่งแล้วนี่ ต้องการสังฆทานครับ บอก อือ ไม่เป็นไร.. อะไรอีก? พระหน้าตัก ๒๐ นิ้ว ๓ องค์ นี่ไม่ได้ใบ้หวยนะ... อย่าเล่นนะ มันกินหมด(หัวเราะ) บวชเณร ๑ องค์บอกเออ... แล้วก็ผลที่เธอได้... จะเป็นยังไง ผมก็เป็นเทวดาชั้น จาตุมหาราช ถามว่านักรบเป็นเทวดาได้ยังไง มันมีแต่รบอย่างเดียว เขาบอกว่า.. ผมไม่ได้มีแต่รบอย่างเดียวครับ บุญผมทำ เมตตาผมมี เอ้อ... เราก็เถียงไม่ได้เว้ย เลยถามว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แกไปเกิดประเทศไทยดีไหม แกบอก... แหลกเลยครับ... ผมฆ่าแหลกเลย...!!!ถ้ารูปนี้ก็ไม่เหลือ(หัวเราะ) ฮิตเลอร์ เก่งจริงๆ ถามทำไมละ ขโมยขโจรไอ้พวกนี้... ผมฆ่าแหลกเลยนะ ก็เลยบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน งั้นแกไปเกิดประเทศไทย ถ้าต้องการไปเกิดประเทศไทยมันจะต้องทำยังไงบ้าง ก็ต้องสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอก และก็บวชพระให้ ๑ องค์ ผมไปเกิดประเทศไทยได้ครับถามว่าแกไปเกิดแล้วแกจะช่วยวัดฉันได้ไหม บอกช่วยได้แน่นอนครับ ใน แผ่นทองคำ ๒๐๐ ปีนั้น คือผมนะครับ โอ้... มันรู้เลย มันรู้ด้วย ถามแกว่าอ่านยังไงวะ บอกผมอยู่ในนรกผมอ่อนออก แหม... ไอ้ตานรกมันอ่านยาว เพราะเหลือ ๒๐๐ ปีพอดีไง ๒๐๐ ปีมนุษย์เอ้อ... มหัศจรรย์... ถามแกเป็นอะไร... บอกผมเป็นตามตำแหน่งนั้นแหละ มุสโสลินี เป็นอำมาตย์ พอเราตกลงช่วย อย่างนี้มันไม่ยาก ยังไม่ได้สั่งช่างทำนี่ ถาม มุสโสลินี บอกผมขอเท่ากันครับ ถามแกเป็นอะไร...? บอกผมก็เป็นอำมาตย์ ต่อมาผมก็บวชอยู่วัดนั้น ถามแก "จบ" ไหม..? บอก "จบ" ครับ...!!!แน่ะ... อย่าทำเป็นเล่นไปนะ สัตว์นรกนี่ มันต่ำสุดก็สูงสุดได้เหมือนกัน... ใช่ไหมคุณ... ทำเป็นเล่นไปนะ ลองๆก็ได้นะ****"แผ่นทอง" หมายถึงคำพยากรณ์ ที่หลวงพ่อบรรจุไว้ในหลุมพระอุโบสถ เมื่อวันตัดลูกนิมิต ๒๔ เมษายน ๒๕๒๐ บอกว่าอีก ๑๘๐ ปี จะมีพระเจ้าธรรมิกราช(คือท่าน ฮิตเลอร์) พร้อมด้วยพระอรหันต์(ท่านมุสโสลินี) มาบูรณะวัดนี้(วัดจันทาราม(ท่าซุง))แล้วก็ต่อมาอีกวันหนึ่งนึกถึง เกอร์ริ่ง มันคู่กับ มุสโสลินี คนนี้อยู่ที่ไหน ท่าน ๒ องค์บอกอยู่นั่นไง... กระดูกแดงฉานน่ะ ไฟแดงเผาโชนหมดวันเหมือนกัน ก็ขนขึ้นมาอีกทำบุญเท่ากัน และต่อมาก็ถึงฮอลันดา กำลังออกจากฮอลันดาสิ ฮิตเลอร์บอกนึกถึง เปแตงค์ อาจจะเป็นศัตรูก็ได้ ไม่เป็นในตอนนั้นนะ... เพราะยอมแพ้นี่ บอกให้ช่วยเปแตงค์ด้วยครับ ถามเปแตงค์อยู่ที่ไหน บอกที่เดียวกันครับ บอกเออ... ฉันไม่มีสิทธิ์หรอกเลยบอกเอ็งไปบอกพ่อ ๒ องค์สิ ฉันไม่มีสิทธิ์ ฉันรับทราบได้ แต่... ไม่มีสิทธิ์ในการช่วย เขาก็ไปบอก ๒ ท่าน ไปบอก นายบัญชี โผล่มาอีกเหมือนกันกับพระยายม หมดวัน... รู้สึกวันพอดี แต่ว่านายนี่พอขึ้นมาแล้ว ถามต้องการอะไรบ้าง? บอกต้องการสังฆทานอย่างเดียวครับ บอกแกเอาเท่าเขาแล้ววะ... ไม่อย่างนั้นใช้ยาก(หัวเราะ) หนอยแน่ มันเล่นขี้เกียจน่ะ เลยเหมาเสร็จให้เท่ากัน แล้วก็ต่อมาพอข้ามมาถึงอังกฤษ นายเปแตงค์ ก็เป็นห่วง เชอร์ชิล ไอ้เจ้านี่... รู้สึกลำบากนิดหนึ่ง ทั้งสองท่านมา... บอกฉันจะลองดู กระดูกแดงเหมือนกันที่เดียวกันแหละ... คนนี้มีบุญ...!แหม... ไม่มีสนิมเลยคุณ เผาแดงช๊าดเลย สนิมเกาะไม่ได้ ทั้งสองท่านไป... ไปขออนุญาตนายบัญชี มาถึงเปิดบัญชีปั๊บ... ขาด ๓ วันครับ ต้องอีก ๓ วัน วันที่ ๓๐ - ๓๑ - ๓๒ เปล่า ๓๐ ขึ้น ๑ - ๒ ต้องวันที่ ๒ ถึงรับโมทนาได้พอขาด ๓ วันทั้งสองท่านบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันให้เป็นสัมภเวสี ๓ วัน อ้อ... เค้าเรียกมีทางแก้...! ถ้าอย่างเราแหงแก๋... ดูเฉยๆ แล้วหมดสิทธิ์ ใช่ไหม เขาก็เลยให้ ให้เป็นสัมภเวสี ๓ วัน แล้วต่อนั้นมา ก็เลยถามพระท่านว่า การมานี่มีกิจเท่านี้หรือครับ ท่านบอกใช่ก็บอกว่า ถ้าบอกผมสักหน่อยเดียว ผมไม่มาหรอก(หัวเราะ) ท่านไม่บอกเลยนะ บอกแต่ให้ไปๆ ฉันยืนยันว่าไปได้ ไม่เป็นไรๆ เป็นบ้าง... เป็นทางท้องนิดหน่อย ต้องล้างท้องหนึ่งครั้ง ให้น้ำเกลือหนึ่งครั้ง ก็ตรงตามนั้นหมด บอก... ถ้ารู้อย่างนี้ผมก็ไม่ต้องไป... นอนวัดก็ช่วยได้ท่านบอกมันก็ไม่ได้เหมือนกันนะ คงจะมีอะไรสักอย่าง ถ้านอนวัดเราก็ห่วงงานมากกว่า ใช่ ... ห่วงงานของเรา เราก็เลยไม่ห่วงพวกนี้ เวลานั้นนั่งรถไป เราก็รำคาญการนั่งรถ... ใช่ไหม เราก็ใช้กำลังใจ รถจะถึงไหนก็ช่างหัวมัน เราธุระของเราไปเรื่อยเฉื่อย อย่างไปถึง เยอรมัน นี่เราก็ดูซ่อนอะไรที่ไหนมั่งหว่า... (หัวเราะ)ดูของที่ซ่อน โอ้... บานเจ้าเลย ความโง่ของฉัน เมื่อสมัยหลังสงครามครั้งที่ ๒ นี่จะโกหกให้ฟังนะ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ บอกแล้วว่าโกหก เพราะไม่ได้ไปเห็นจริงนะ... แค่รู้ เพราะเค้าบอกว่าเยอรมันสร้างอาวุธ แล้วเก็บในเขา ฉันก็คิดว่าเก็บในถ้ำ มันไม่ใช่อย่างนั้น เค้าสร้างถ้ำในเขาเพราะว่าออกจาก อิตาลี แต่ก่อนจะถึง สวิตเซอร์แลนด์ เรารู้สึกมันผ่านถ้ำไม่รู้เท่าไหรเลยใช่ไหม ภูเขา... ถนนเค้าไม่อ้อมเขา เขาทะลุถ้ำไปเลย... ยาวเหยียดๆ ขนาดตอนนั้น เขายังขนาดนี้ ตอนก่อนเขาก็ทำใต้เขาให้เป็นถ้ำ ตามความหมายประสงค์ของเขา... แค่นี้เอง นี่รวมความว่าฉันโง่แน่ ฉันไปนี่... ฉันฉลาดขึ้นมาหน่อย... หน่อยเดียวนะ รู้ว่าเขาเจาะเขาได้สะดวกด้วย... ใช่ไหม ทีนี้มันก็มีปัญหาว่า ตามถนนรถยนต์ต่างๆ น่ะมันมีอะไรอยู่ใต้ถนนบ้างหรือเปล่า นั่งไป เอ... นี่มันมีถนนสองชั้นเลยนี่หว่า จิ้งจกทัก(หัวเราะ) ห้ามพูดอันตราย ท่านบอก อันตราย... ไม่เป็นเรื่อง..."

(จบบันทึกเพียงเท่านี้)
ที่มา : หนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม ๔
จากเวปแดนพระนิพพาน

ผู้จะถึงไตรสรณคมน์ต้องมีปัญญา




ผู้จะถึงพระไตรสรณคมน์มั่นคงต้องเชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม


ผู้จะถึงพระไตรสรณคมน์ได้มั่นคง

ต้องมีปัญญาพิจารณาเห็นด้วยใจของตนจริงๆ

ว่าเราทำกรรมดีต้องได้รับผลเป็นสุขตอบแทน เ

ราทำกรรมชั่วต้องได้รับผลเป็นทุกข์ตอบแทนด้วยตนเอง

คนอื่นจะมารับแทนไม่ได้ อย่างนี้แน่วแน่ในใจจริงๆ

จึงจะถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิตได้


คนเราเกิดมาในโลกก็เพราะกรรม ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ได้มาเกิด ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า “โลก คือ มนุษย์ต้องเป็นไปตามกรรม” ดังนี้ กรรม คือ การกระทำทั้งดี ทั้งชั่ว กรรมดี เรียก กุศลกรรม กรรมชั่ว เรียก อกุศลกรรม คนเกิดมาในโลกนี้มี กาย วาจา และใจ แล้ว ใครจะไม่ทำกรรมย่อมไม่มี ฉะนั้น คนเราทุกคนเกิดขึ้นมาในโลกได้ชื่อว่าเกิดมาสร้างกรรม แต่ขอให้เลือกสร้างเอาแต่กรรมดี ซึ่งจะทำให้เกิดความสุขกายและใจอย่างเดียว


เมื่อตนเองสร้างกรรมชั่วแล้ว

แต่อยากจะได้ความสุข มันจะได้มาแต่ที่ไหน

ปลูกมะนาวออกผลมามันก็ต้องเป็นมะนาวละซี

มันจะเป็นละมุด ลำไยได้อย่างไร

เมื่อกรรมชั่วให้ผลเป็นทุกข์

ก็บ่นว่าทำบุญไม่ช่วยตน

บุญไม่มีผล ทีหน้าทีหลังไม่อยากทำละ


ผู้ทำบุญไม่รู้จักบุญย่อมคิดอยู่อย่างนี้ บ่นอย่างนี้เป็นธรรมดา แท้จริงบุญมิใช่วัตถุ หรือเป็นของมีตัวมีตน บุญเกิดจากจิตใจต่างหาก วัตถุทานที่เราให้นั้นมันเกิดจากน้ำใจที่มันแผ่ออกไปจากจิตใจ เพื่อให้เกิดความเกื้อกูลแก่มนุษย์และสัตว์เหล่าอื่นต่างหาก


น้ำใจที่มันแผ่ออกไปนี้ไม่มีหมดสักที ยิ่งแผ่ออกไปมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นของกว้างเท่านั้น วัตถุทานที่เราให้ไปนั้นหมดเป็น เมื่อเราได้เห็นบุคคลหรือวัตถุ สถานที่ คำสอนที่มีเหตุมีผล ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสนั้นเป็นบุญแท้ มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย เมื่อเกิดมาแล้วต้องมีความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นธรรมดา


เกิดมาแล้วจะไม่ให้มีเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ เราทำกรรมดีไว้มากๆ ระลึกถึงกรรมดีนั้นอยู่เสมอๆ ถึงร่างกายอันนี้มันจะเจ็บหรือจะตายก็เป็นเรื่องของมันต่างหาก ส่วนกรรมดีคือบุญกุศลเป็นของไม่ตาย ฉะนั้น อย่าไปโทษบุญกรรมเลย โทษตัวเราผู้เกิดมานั้นดีกว่า แล้วพึงระลึกถึงกรรมดีที่ได้กระทำไว้นั้นเป็นที่พึ่งดีกว่า


: ของดีมีในศาสนาพุทธ

: โดยพระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)