วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2551

ความรัก กับ บทลงโทษ


บทลงโทษด้วยความรัก


หนึ่งเมื่อยังเด็ก...

แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่นในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้ามขณะ

ที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคา แพงของพ่อ

แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือเมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง

แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่ายเขารู้ตัวดีเชียวละ

ว่ากำลังทำผิดแม้จากระยะไกลฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะ

ไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อและตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ

ตาโตด้วยความหวาดหวั่นรอคอยที่จะถูกทำโทษ

พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามองแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดย

ไม่พูดอะไรสักคำหนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก

หนังสือคือความรู้และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง


แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมากสิ่งที่พ่อทำ

ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมากแทนที่ท่านจะลงโทษ

หรือดุแอนดี้หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน

พ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้

แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง


พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า

"ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ"

ต่อไปนี้ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด

พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก

และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้มาให้ขีดเขียน

บนหนังสือแสนหวงของพ่อลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย

เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน


ว้าว... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?

นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น

ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น


ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้นพ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า

...อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง

ซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ...

ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง

ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ

เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร

เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ

แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ

และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอ

และคำพูดที่บอกว่า...

เดี๋ยว ผมเทเองก็ได้

นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก

น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน

และอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว


แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า

ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก

เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด

ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไปที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ

และได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก เท่าใด

อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม)

แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว

ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง)ร

อยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว

แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว


สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่

นาฬิกาเรือนละแสนหรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน

แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง

เฝ้ารักเฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหากแล้วคุณล่ะ

เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า


ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีรู้สึกดี ๆ เลยนำมาให้อ่านกัน

หากใครเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะ

หากครั้งนี้ลองอ่านดูอีกครั้งแล้วพินิจด้วยใจ

บางครั้ง....เราอาจเคยตั้งคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่า

มนุษย์เรา ...เกิดมาเพื่ออะไร

บทความนี้อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ...ก็เป็นได้


ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ทุกท่าน

: ที่มาจาก ThaiSEOBoard.com

ไม่มีความคิดเห็น: